วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คริสมาส Trip ณ สวนนงนุช

คริสมาส Trip ณ สวนนงนุช
เมื่อวันที่ 25-26 ธันวาคมที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาดูงานที่ท่าเรือแหลมฉบัง และสวนนงนุชมา ตรงกะคืนคริสมาสพอดีเลย อยากบอกเพื่อนที่ไม่ได้ไปว่าน่าเสียดายมากๆๆ เพราะมีแต่เรื่องดีๆๆ และความสนุกสนานความสวยงามให้เราได้เก็บเกี่ยว เหมือนกับชาร์ตแบตให้กับตัวเองมีพลังที่จะมาดำเนินชีวิตในกรุงเทพ เมืองที่แสนเร่งรีบและวุ่นวาย ก่อนอื่นเราขอนำเสนอประวัติของสวนนงนุช

ประวัติสวนนงนุช
เมื่อปีพุทธศักราช 2497 คุณ.พิสิทธิ์ และ คุณ.นงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินจำนวน 1500 ไร่ หลักกิโลเมตรที่163 ระหว่าง พัทยา - สัตหีบเป็นสวนผลไม้เช่น มะม่วง ส้ม มะพร้าว และ อื่นๆต่อมาคุณ.นงนุชได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ .และได้ประทับใจในความสวยงามของสวน ต่างประเทศ..ที่ได้เข้าไปชมประกอบกับเป็นคนที่ชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว .จึงมีแนวคิดที่จะ " จัดสวนให้คนมาเที่ยว " ดังนั้นจึงเปลี่ยนสวนผลไม้ที่เป็นอยู่เดิมเป็นสวนไม้ดอก ไม้ประดับ และได้ ทำการปลูกสร้างพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเช่นบ้านพัก ห้องอาหาร และห้องจัดเลี้ยงต่างๆ ไว้สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวผู้ที่มาเยี่ยมเยือนสวนแห่งนี้..... สวนนงนุช ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อในปี พุทธศักราช 2523 โดยจัดให้มีการแสดงของศิลปวัฒนธรรม และสิ่งที่มีชื่อเสียงที่ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักสวนนงนุชจะได้แก่สวนที่รวบรวมพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ
ทั้งในและต่างประเทศเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบต้นไม้ และสไตล์การจัดสวนที่มีชื่อเสียง. และสถาน
ที่พักผ่อนหย่อนใจไปกับธรรมชาติอันงดงามควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ ..พวกเราจะได้รู้จัก
การอนุรักษ์รักษาธรรมชาติและสิ่งที่สวยงามต่างๆเหล่านี้ให้คงอยู่คู่กับเราตลอดไป...

กิจกรรมภายในสวนนงนุช หลายอย่างของสวนคือ .มีบริการเรือชนิดต่างๆ .ให้เช่าพายเล่นในสระ มีสัตว์หลายชนิดให้ชม ศูนย์รวมวัฒนธรรมแบบไทย มีการแสดงสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย การฟ้อนรำพื้นเมืองศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว (มวยไทย,ฟันดาบ) แสดงของช้าง ใช้เวลาแสดงประมาณ 1 ชั่วโมงเศษขอบอกว่าการแสดงช้างแสนรู้น่าดูมากไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่จะสามารถขนาดนี้ เรามีภาพมาฝากเพื่อนๆด้วย


ช้างแสนรู้





บรรยากาศในสวนนงนุช







นอกจากกิจกรรมดีๆภายในสวนนงนุชแล้ว ในยามค่ำคืน วันที่ 25 ธันวาคมเรายังมีปาร์ตี้เล็กๆ ภายใต้บรรยายกาศที่สวยงามขับกล่อมด้วยเสียงเพลงจากนักร้องนับสิบมากมายเท่าที่คุณต้องการ เรามีภาพมายืนยัน












นอกจากนี้เรายังมีภาพในมุงต่างๆของผู้ร่วมทริปมาฝากด้วย. ... .. .หวังว่าจะได้เดินทางร่วมกันอีกในครั้งหน้านะคะ . . .. ....ขอบคุณคะ




วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สละอินโด
สละหรือภาษามลายูเรียกว่า(เวาะสาเลาะห์)มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันมาก ในปัจจุบันนี้สละนิยมปลูกกันมากในประเทศไทยยิ่งในสามจังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานีและยะลา สละที่ชาวบ้านนิยมปลูกกันมากคือลูกสละสายพันธ์อินโดเพราะสละสายพันธ์นี้มีรสอร่อย กรอบ กลิ่นหอมชวนน่ารับประทานมากๆ วิธีการปลูกก็ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากในสวนยางก็ปลูกได้และจะขึ้นได้ดีในที่ร่มการดูแลก็ไม่ยุ่งยากเหมือนพืชชนิดอื่นๆเพียงแค่พรวนดิน ใส่ปุ๋ยเดือนละครั้งและถ้าจะให้ดีเมื่อใบของสละมีมากเกินไปก็ควรตัดทิ้งให้เหลือเพียงเล็กน้อยที่สำคัญเมื่อต้นสละผลิตลูกออกมาจำนวนมากเกินไปก็ควรเกะลูกทิ้งบางสวนเพราะจะทำให้ลูกที่เหลือโตเต็มที่และมีผลที่มีขนาดใหญ่ ส่วนเรื่องรสชาติขอบอกว่าอร่อยไม้แพ้สละลูกสีแดงๆที่เรารับประทานกันเลยแต่จะมีความกรอบมากกว่าทานแล้วจะรู้สึกกรอบๆมันๆ

เอื้องสายสี่ดอก
เอื้องสายสี่ดอก
Dendrobium cumulatum Lindl.
Flowering Period :
Size : 3 cm
ชื่อวิทย์ Dendrobium cumulatum Lindl.
ชื่อไทย เอื้องสายสี่ดอก, เทียนทอง
ลักษณะทั่วไป ลำต้น ลักษณะเป็นลำลูกกล้วย เป็นสาย ยาวประมาณ 35-85 ซม. ลำแก่สีม่วงดำ ใบ รูปไข่รียาวประมาณ 7-9 ซม. สีเขียวเข้ม ดอก เป็นช่อ พบบริเวณข้อตามลำต้น แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-8 ดอก ดอกโต ประมาณ 4 ซม. กลีบดอกสีขาว ปลายกลีบสีม่วง ปากสีเหลืองอ่อน ปลายปากทั้ง 2 ข้างม้วนออกด้านนอก ราก เป็นแบบรากกึ่งอากาศ (semi-epiphytic)
ช่วงเวลาออกดอก พฤษภาคม - กรกฎาคม
แหล่งที่พบในประเทศไทย ป่าดิบแล้งทางภาคเหนือ ภาคใต้และภาคตะวันตก
แหล่งแพร่กระจายพันธุ์ ไทย และเมียนม่าร์

เอื้องสายสี่ดอก สวยแก้หืดได้
กล้วยไม้ หลายชนิดนอกจากจะมีดอกสวยงามแล้ว บางพันธุ์ยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรชั้นดีอีกด้วย ซึ่ง “เอื้องสายสี่ดอก” ก็จัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน เคยแนะนำในคอลัมน์ไปแล้ว แต่ยังมีผู้อ่านจำนวนมากให้ลงภาพของดอกให้ชัดเจนอีกซักครั้ง พร้อมข้อมูลด้วย จะได้ซื้อไปปลูกไม่ผิดอีก เพราะเคยซื้อไปปลูกแล้วมีดอกไม่เหมือนกับที่ลงในไทยรัฐ และเป็นจังหวะที่พบว่ามีต้นขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ กำลังมีดอกสวยงามมาก จึงถ่ายภาพ นำเรื่องสนองความต้องการของแฟนๆทันทีเอื้องสายสี่ดอก หรือ DENDROBIUM CUMULATUM LINDL. อยู่ในวงศ์ ORCHIDACEAE เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยที่มีการเจริญทางด้านข้าง ได้แก่ กล้วยไม้ที่มีเหง้า ส่วนทอดเลื้อยหรือไหล เมื่อต้นกล้วยไม้เอื้องสายสี่ดอก เจริญเต็มที่แล้วสามารถแตกต้นใหม่ หรือหน่อใหม่จากโคนกอ หรือตามข้อลำต้นได้ มีมากมายหลายสกุล เช่น สกุลหางแมงเงา สกุลสิงโต สกุลน้ำต้น สกุลกะเรกะร่อน สกุลหวาย สกุลเพชรหึง เป็นต้น และ”เอื้องสายสี่ดอก” ก็รวมอยู่ในกลุ่มเจริญทางด้านข้างตามที่กล่าวข้างต้นด้วย ลักษณะลำต้นหรือลำลูกกล้วยเป็น สายยาว ใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานดอก ออกเป็นช่อแบบกระจะ มี 2-5 ดอก ต่อช่อ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ เป็นสีชมพูอมม่วง กลีบปากเป็นสีขาวครีม มีสัน 2 สัน ไม่ชัดเจน ฝาครอบเกสรตัวผู้สีเหลือง ดอกเมื่อบานเต็มที่กว้างประมาณ 1.5 ซม. เวลามีดอกหลายๆช่อและดอกบานพร้อมกันและช่อดอกห้อยลง จะดูเป็นสีชมพูหวานซึ้ง สวยงามน่ารักมาก ดอกออกช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีแยกเหง้า หรือแยกหน่อ มีชื่อเรียกอีกคือ เทียนทอง เทียนพญาอินทร์ (ภาคเหนือ-ภาคตะวันออก) พบขึ้นตามธรรมชาติมากที่สุดทางภาคเหนือในเขตพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ภาคตะวัน ออกที่ตราด ภาคใต้ที่ จ.สุราษฎร์ธานีและพังงาปัจจุบัน “เอื้องสายสี่ดอก” มีต้นขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง “คุณวิรัช” หน้าธนาคารออมสิน ราคาสอบถามกันเอง นิยมปลูก 2 แบบ คือปลูกลงกระถางกล้วยไม้และปลูกให้ต้นเกาะซากไม้ขนาดใหญ่ หลังปลูกนำไปแขวนในที่แจ้ง มีลมพัดโกรกดี ตลอดวันรดน้ำเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยกล้วยไม้ ละลายน้ำฉีดพ่นสม่ำเสมออาทิตย์ละครั้ง จะทำให้ “เอื้องสายสี่ดอก” มีดอกดก สีสันของดอกเข้มข้นสวยงามเมื่อถึงฤดูกาลสรรพคุณทางสมุนไพร ใช้ลำต้นครั้งละ 1 ต้น ตัดเป็นท่อน สั้นๆ ต้มกับน้ำจนเดือด ดื่มแทนน้ำชาทั้งวัน เป็นยาแก้หืดหอบดี



ผลไม้ลูกผสม เงาะลิ้นจี่


เงาะลิ้นจี่






วันนี้นำผลไม้แปลกๆมาให้ดูกัน ผลไม้ชนิดนี้ออกจะแปลกๆครับดูคล้ายเงาะผสมกับลิ้นจี่ เห็นครั้งแรกเมื่อเกือบ10ปีก่อน มีคนนำมาขายที่ตลาดเบตงและสอบถามได้ความว่านำพันธุ์มาจากมาเลเซีย ปลูกที่จันทรัตน์ ผลไม้ชนิดนี้สู้บ้านเราไม่ได้เลยไม่สนใจ ที่จะสอบถามชื่อเสียงเรียงนาม แต่เข้าใจว่าเป็นผลไม้ที่ทางการมาเลเซียผสมพันธุ์ขึ้นมา แต่รสชาดสู้เงาะโรงเรียนบ้านเราไม่ได้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2552 ในงานมหกรรมผลไม้และของดีเมืองยะลา จังหวัดให้อำเภอต่างๆนำผลผลิตทางการเกษตรมาจำหน่าย ซุ้มของอำเภอเบตงนำผลไม้ที่กล่าวนี้จำหน่ายกิโลกรัมละ25 บาทขายดิบ ขายดีและเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2552 มีโอกาสได้ไปงานเกษตรแฟร์ ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนและได้มีโอกาสพบเห็นผลไม้ชนิดนี้จริงๆ จึงถือโอกาสนี้นำมาแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน