วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เมื่อฤดูหนาวมาเยือน ผลไม้ที่ถูกกล่าวถึงคงไม่พ้น สตอเบอรี่สีแดงสด ชวนรับประทาน
สตอเบอรี่เป็นผลไม้เมืองหนาวที่มีสีสันและรสชาติที่น่ารับประทานเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน ตอนนี้หน้าหนาวมาเยือนแล้ว เราจึงนำข้อมูลสตอเบอรี่มาให้เพื่อนๆ ทราบกัน

การปลูกสตอเบอรี่


ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ผลขนาดเล็กให้ผลผลิตในหนึ่งฤดู ผลสุกมีรสเปรี้ยวหวาน กลิ่นหอม สีแดง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค เป็นพืชอยู่ในวงศ์ Rosaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fragaria ananassa เป็นไม้พุ่มที่สูงจากผิวดิน 6-8 นิ้ว ทรงพุ่มกว้าง 8-12 นิ้ว ระบบรากดีมาก แผ่กระจายประมาณ 12 นิ้ว ใบแยกเป็นใบย่อย 3 ใบ มีก้านใบยาว ขอบใบหยัก ลำต้นสั้นและหนา ดอกเป็นกลุ่ม มีกลีบรองดอกสีเขียว 5 กลีบ กลีบดอกสีขาว 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียกระจายอยู่เหนือฐานรองดอก ผลเจริญเติบจากฐานรองดอก มีผลขนาดเล็ดคล้ายเมล็ดจำนวนมากติดอยู่รอบเรียกว่า “เอคีน (Achene)”

พันธุ์สตรอเบอรี่
การปลูกสตรอเบอรี่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือมีมานานพอสมควร แต่ สตรอเบอรี่ที่ปลูกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่ำ ผลเล็ก สีซีด และช้ำง่าย
ในปัจจุบันมีพันธุ์ที่เหมาะสมและปลูกได้ผลดี ผลผลิตสูงผลใหญ่ เรียว เนื้อแน่น สีแดงจัด รสชาติดี ใบย่อย ใบกลางเรียวหยักปลายใบใหญ่ ต้นใหญ่ ให้ผลผลิตยาวนาน พันธุ์ดังกล่าวเรียกกันว่าพันธุ์ “ไทโอก้า”

ความต้องการสภาพดินฟ้าอากาศ ดินที่ปลูกสตรอเบอรี่ควรเป็นดินร่วนปนทราย ความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ในระหว่าง 5-7 ซึ่งเป็นดินที่สภาพเป็นกรดเล็กน้อย สตรอเบอรี่ต้องการช่วงแสงต่ำกว่า 11 ชั่วโมง และอุณหภูมิหนาว-เย็น ในการติดดอกออกผล ถ้าอุณหภูมิยิ่งต่ำยิ่งทำการติดดอกออกผลดีขึ้น

การปลูกเพื่อต้องการผล
ควรปลูกในเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม โดยต้นอ่อนหรือไหลที่จะปลูกควรมีแขนไหลที่มีข้อ
ติดด้วยการเตรียมแปลงปลูกทำนองเดียวกับแปลงปลูกผักคือ การปลูกต้องใช้ส่วนโคนของลำต้น
______________________________________________________________________________
* นักวิชาการเกษตร 4 ฝ่ายสำรวจและวางแผน กองอนุรักษ์ต้นน้ำ
กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อยู่ในระดับดิน ถ้าปลูกลึกยอดจะเน่า ถ้าตื้นรากจะแห้งทำให้เจริญเติบโตช้า ใช้ส่วนแขนไหลจิ้มลงในดินเพื่อช่วยดูดน้ำในระยะแรกปลูกในขณะที่ไหลกำลังตั้งตัว
ระยะปลูก 25 x 30 ซม. แปลงกว้าง 100 ซม. สูง 20 ซม. ยาวตามที่ต้องการ ทางกว้างประมาณ 40 ซม. ปลูก 3 แถว ในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้ไหลปลูกประมาณ 10,000-12,000 ต้น
การเตรียมแปลงปลูกอาจเตรียมแปลงปลูกแบบทำนาดำซึ่งสะดวกและประหยัดแรงงานและเวลาในการให้น้ำ โดยให้น้ำแบบท่วมแปลง แต่ใช้ได้เฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำเพียงพอ

การให้น้ำ
เนื่องจากสตรอเบอรี่เป็นพืชที่ไม่ทนต่อความแห้งแล้งเพราะฉะนั้นต้องระวังการให้น้ำเป็นพิเศษ การขาดแคลนน้ำนาน ๆ มีผลกระทบต่อผลผลิตของสตรอรี่บ่อยครั้งที่กสิกรไม่ให้ความสำคัญในข้อนี้ทำให้ผลผลิตที่ปรากฏภายหลังตกต่ำจนไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต
ก่อนที่จะให้น้ำแก่สตรอเบอรี่จะต้องพิจารณาเสียก่อนว่าน้ำที่จะให้มีคุณสมบัติเป็นกรดหรือด่างถ้าเป็นด่างไม่ควรใช้เพราะต้นสตรอเบอรี่จะไม่เจริญเติบโตในสภาพที่ดินเป็นด่าง
วิธีการให้น้ำ อาจใช้บัวรด ซึ่งรดทุกวัน ๆ ละ 1 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้ประหยัดน้ำ แต่สิ้นเปลืองแรงงานจะใช้วิธีนี้เมื่อมีน้ำขังอยู่จำกัดแต่มีแรงงานเหลือเฟือหรือค่าแรงงานต่ำ
หรือจะให้น้ำแบบท่วมโดยปล่อยน้ำเข้าท่วมแปลง โดยให้น้ำเข้าท่วมแปลงจนกระทั่งดินอิ่มตัวด้วยน้ำซึ่งประมาณ 5-10 ซม. แล้วแต่คุณสมบัติของดินและความชื้นอากาศ โดยใช้ระยะเวลา 7-10 วัน จึงทำการปล่อยน้ำ 1 ครั้ง วิธีนี้ประหยัดแรงงาน แต่ใช้ได้เฉพาะพื้นที่มีน้ำเพียงพอ

การให้ปุ๋ย
ในที่นี้จะกล่าวถึงการให้ปุ๋ยเพื่อต้องการผลสตรอเบอรี่เท่านั้น ส่วนการให้ปุ๋ยเพื่อผลิตไหลจะกล่าวในหัวข้อต่อไป ในการให้ปุ๋ยเพื่อต้องการผลนั้น ก่อนปลูกให้ขุดหลุมลึกประมาณ 5-6 นิ้ว แล้วใส่ปุ๋ยคอก 30 กรัม และปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟส 1 ช้อนชารองก้นหลุมก่อนปลูก หลังจากนั้น 1 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร6-24-24 (ใช้ในกรณีที่ปลูกเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม) หรือปุ๋ยสูตร 13-13-21 (ในกรณีที่ปลูก เดือนกันยายน- ตุลาคม) หรือปุ๋ยสูตร 16-16-16 (ในกรณีที่ปลูกเดือนพฤศจิกายน- มกราคม) โดยใส่ 2 กรัมต่อต้น โดยแบ่งให้ 4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 7-10 วัน

การใช้วัสดุคลุมดิน
การใช้วัสดุคลุมดินเพื่อ.-
1. ป้องกันการระเหยของน้ำจากพื้นดินเนื่องจากความร้อนจากแสงแดด ในช่วงที่ปลูก สตรอเบอรี่เพื่อต้องการผลจะอยู่ในระหว่างเดือนกันยายน - เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความร้อนแสงแดดรุนแรง ความชื้นในอากาศต่ำ
2. ป้องกันแร่ธาตุอาหารในดินถูกทำลายเนื่องจากความร้อน
3. ป้องกันผลสตรอเบอรี่ซึ่งจะเสียหายเนื่องจากผลถูกกับพื้นดิน

วัสดุที่ใช้คลุมดินสำหรับสตรอเบอรี่ ได้แก่ฟางข้าว หรือใบตองตึง การคลุมอาจจะคลุมก่อนปลูก หรือหลังปลูก หรือในระยะเริ่มติดดอกทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความคงทนของวัสดุ แรงงาน ราคาวัสดุ และการทำลายของแมลงในดิน เช่น ปลวก เป็นต้น

การติดดอกออกผล
เมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง และช่วงแสงสั้นเข้าซึ่งประมาณเดือนพฤศจิกายน สตรอเบอรี่จะเริ่มติดดอกและผลจะสุกหลังจากติดดอก 21-25 วัน ผลสตรอเบอรี่ระยะแรกจะมีสีเขียว และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม มีรสเปรี้ยวปนหวาน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5-3.5 ซม.
ผลจะสุกมากที่สุดเดือนมีนาคม และจะหมดประมาณเดือนเมษายน - พฤษภาคม

การเก็บเกี่ยว
เนื่องจากผลสตรอเบอรี่ช้ำง่าย การเก็บเกี่ยวต้องคำนึงถึงระยะทางในการขนส่งสู่ตลาดถ้าระยะทางไกลต้องเก็บผลสุกหรือเห็นสีแดง 50% ซึ่งจะได้ผลแข็งสะดวกแก่การขนส่ง ถ้าระยะทางใกล้ควรเก็บผลสุกหรือสีแดง 75%
เวลาที่เก็บ ควรเก็บตอนเช้า เมื่อเก็บแล้วไม่ควรให้ผลถูกแสงแดด ซึ่งจะทำให้ผลเน่าเร็วควรเก็บทุก 1-2 วัน

การบรรจุและขนส่ง
เนื่องจากผลสตรอเบอรี่บอบช้ำง่าย โดยเฉพาะถ้าเส้นทางคมนาคมไกลและไม่ดีเท่าที่ควร การบรรจุผลสตอเบอรี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ภาชะนะที่บรรจุจะต้องไม่มีส่วนที่แหลมคมซึ่งจะทำให้ผลเสียหาย การวางผลจะต้องวางไม่เกินสองชั้น ถ้าพบว่ามีผลเสียควรคัดออกทันทีเพื่อป้องกันผลข้างเคียงพลอยเน่าเสียหายไปด้วย
ในกรณีเส้นทางคมนาคมลำบากไม่สามารถขายผลสดจำเป็นต้องขายผลช้ำ ต้องตัดหัวขั้วและส่วนที่เน่า แล้วบรรจุในปี๊บที่ภายในรองด้วยถุงพลาสติก ถ้าระยะทางไกลจากตลาดมากหรือจำเป็นต้องเก็บผลสตรอเบอรี่ไว้ค้างคืนการใส่น้ำตาลเพื่อรักษาคุณภาพของผล โดยใช้น้ำตาล 4 กก. ต่อผลสตรอเบอรี่ 10 กก.

การปฏิบัติหลังจากสตรอเบอรี่ให้ผลแล้ว
เมื่อถึงเดือนเมษายนต้นสตรอเบอรี่เริ่มหยุดให้ผล เนื่องจากอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นช่วงแสงเริ่มยาวขึ้น ต้นสตรอเบอรี่จะเริ่มเจริญเติบโตด้านลำต้น กสิกรในพื้นราบมักจะขุดต้นสตรอเบอรี่ทิ้งด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้.-
1. การดูแลรักษาต้นสตรอเบอรี่ข้ามปี ในสภาพที่อุณหภูมิสูงทำได้ยาก และเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลสูง เนื่องจากต้นสตรอเบอรี่ไม่ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อน และสภาพอากาศที่อุณหภูมิสูงโรคของสตรอเบอรี่ระบาดง่าย
2. เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินหลังจากปลูกสตรอเบอรี่หยุดให้ผล เช่น ปลูกผักหรือพืชไร่ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงกว่า
3. การที่ทำลายต้นสตรอเบอรี่ เป็นการทำลายแหล่งเพาะเชื้อโรคของสตรอเบอรี่ได้ผลดี

การปลูกสตรอเบอรี่เพื่อผลิตไหล
ไหล คือส่วนที่เจริญเติบโตมาจากต้นแม่ตรงลำต้นหรือข้อ หรือส่วนของไหลต้นเก่าเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ โดยปล้องหรือแขนไหล
เนื่องจากเหตุผลในข้อที่แล้ว จึงมีกสิกรส่วนหนึ่งที่มีอาชีพปลูกสตรอเบอรี่ ผลิตไหลขายให้แก่กสิกรพื้นราบ กสิกรกลุ่มนี้มีที่ดินที่อยู่ในสภาพอุณหภูมิที่หนาวเย็น แม้แต่ในฤดูร้อน มีค่าแรงงานถูก เช่น กสิกรของชนกลุ่มน้อยชาวไทยภูเขาที่อาศัยในเขตที่สูงภาคเหนือ ซึ่งมียังชีพโดยการทำไร่เลื่อนลอยซึ่งตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉพาะป่ารักษาต้นน้ำ
การส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาปลูกสตรอเบอรี่เพื่อขายไหลจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะยับยั้งการปลูกฝิ่น
ข้อดีของไหลที่ผลิตในเขตที่สูงคือ เมื่อนำไปปลูกเพื่อต้องการขายผลได้ผลผลิตสูงกว่าไหลที่ปลูกเองในที่ราบ ต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า ทนทานต่อโรคได้ดีกว่าและมีเปอร์เซ็นต์การรอดตายสูง
การเตรียมพื้นที่และเตรียมต้นปลูก
การเตรียมพื้นที่เหมือนกับการปลูก เพื่อต้องการขายผลสำหรับต้นที่ให้ผลหมดแล้วก็จะเป็นต้นที่แตกกอออกมาประมาณ 5-7 ต้น ติดอยู่กับต้นเก่า ควรขุดต้นออกทั้งกอ แล้วใช้มีดหรือกรรไกรแต่งรากและปลิดใบที่แก่ออก (การปลิดออกใช้มือโยกก้านใบขนาดกับพื้นดิน) จากนั้นใช้มีดคมตัดแยกต้นออกแล้วนำไปปลูก ใช้ระยะปลูก ใช้ระยะปลูก 30 x 50 ซม.
การให้ปุ๋ย
เนื่องจากการปลูกเพื่อผลิตไหลเป็นความพยายามเพาะเลี้ยงให้ต้นสตรอเบอรี่เจริญเติบโตทางด้านลำต้น ฉะนั้นจะต้องคำนึงถึงปุ๋ยไนโตรเจนเป็นสำคัญ ที่โครงการหลวงพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 8 (บ่อแก้ว) ทดลองใช้ขี้ค้างคาวรองพื้นหลุมก่อนปลูกและใส่ปุ๋ยคอกระหว่างต้น จากนั้นรดปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 1 ปี๊บ รดทุก 7-10 วัน พบว่าสตรอเบอรี่ 1 ต้นจะให้ไหล 50-70 ไหล

การตัดไหลและการบรรจุ
ประมาณหลายฤดูฝนไหลสตรอเบอรี่ก็จะเจริญเติบโตเต็มที่พร้อมที่จะตัดขายสู่ตลาด
การตัดไหล ใช้มีดหรือกรรไกรตัดแขนไหลโดยให้ส่วนที่เป็นข้อติดไปด้วย จากนั้นก็ขุดไหลออกทั้งหมดแล้วล้างราก ใช้สำลีมอส หรือนุ่นจุ่มน้ำแล้วห่อรากเอาไว้ โดยนำไหลมารวมกันประมาณ 10 ต้น แล้วห่อด้วยใบตองหรือถุงพลาสติก แล้วบรรจุในถุงพลาสติกใหญ่อีกครั้งแล้วนำไหลส่งให้ผู้ซื้อภายใน 24 ชั่วโมง

โรคสตรอเบอรี่
1. โรคใบจุด (Leaf Spot) เกิดจากเชื้อรา Ramuoaria sp. (Impetfect stage) หรือ Mycosphacrella sp. (Perfect stage) อาการทั่วไปจะเห็น เป็นจุดโปร่งแสงสีน้ำตาล ขอบแผลสีม่วง ถ้ารุนแรงใบจะแห้งและตายในที่สุด โรคนี้พบมากในช่วงฤดูฝน เมื่อพบโรคนี้ควรเด็ดใบทิ้ง โดยใช้มือโยกก้านใบไปมาด้านข้างแล้วดึงออก การทำลายโดยการเผาทิ้ง ถ้ารุนแรงใช้ยาแคบแทน หรือเบนเลท พ่นทุก 7 วัน

2. โรค Leaf scorch เกิดจากเชื้อรา Massonia frabvariae อาการในระยะแรกพบจุดสีม่วงหรือสีน้ำตาลแดงบนใบและจุดจะกระจายเป็นแผลมีลักษณะไม่แน่นอน เนื้อเยื่อของใบถูกทำลายไม่แห้งเหมือนโรคอื่น เมื่อแผลกระจายติดกับใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วงในที่สุด การป้องกันรักษาใช้ยาแคบแทนหรือเบนเลท พ่นทุก 7 วัน

3. โรคเหี่ยว เกิดจากเชื้อรา Fusarium sp. ซึ่งเข้าทำลายทางรากและแขน (Stolon) ของไหล เชื้อโรคชนิดนี้อาศัยอยู่ในดิน ต้นเหี่ยวใบลู่ลง โรคจะระบาดในขณะที่อากาศอบอ้าว ถ้าอากาศชื้นจะทำให้โรคหยุดระบาด แต่ถ้าเป็นมากต้นจะตาย เพราะระบบรากถูกทำลาย Crown มีวงสีน้ำตาลล้อมรอบ อุดท่อน้ำซึ่งส่งไปเลี้ยงใบและลำต้น การป้องกันรักษาต้องทำลายแหล่งเชื้อโรคในดินสำหรับไหลที่นำมาปลูกควรตัดข้อของแขนใบติดไปด้วย เพราะส่วนที่เป็นข้อสามารถป้องกันการเข้าทำลายของโรคได้ดี
จากการสังเกตที่โครงการหลวงพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 8 พบโรคสตรอเบอรี่บ้าง แต่โรคไม่ระบาดและไม่ทำให้ต้นสตรอเบอรี่ตาย จึงทำให้ไม่ต้องกังวลต่อการฉีดยาป้องกันโรคสตรอเบอรี่ซึ่งทำเกิดผลต้องค้างของสารเคมีภายหลัง
จากการศึกษาพบว่าโรคของสตรอเบอรี่จะไม่ระบาดในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 20 ซํ. – 25 ซํ.

แมลง
หนอนกัดกินราก เป็นหนอนของด้วงปีกแข็งตัวสีขาวปากกัดสีน้ำตาลอ่อนเจริญเติบโตจากไข่ที่อยู่ใต้ดิน และในปลายฤดูฝนก็จะเริ่มกัดกินราก ทำให้รากไม่สามารถดูดน้ำได้เมื่อใบคายน้ำ จึงทำให้ใบเหี่ยว เซลล์คุมรูใบจะสูญเสียความเต่งตึง รูใบจะปิด CO2 ไม้สามารถฟุ้งกระจายเข้าสู่ใบได้อย่างรวดเร็ว เมื่อพบอาการดังกล่าวควรขุดเอาหนอนมาทำลาย หรือก่อนปลูกควรโรยพื้นหลุมด้วยยาประเภทดูดซึม

จากการทดลองตัดไหลนำไปชำที่เรือนเพาะชำ โดยปล่อยให้พื้นดินว่างเปล่า จนกระทั่งสิ้นฤดูฝน หนอนก็จะเริ่มเข้าดักแด้ควรปลูกพืชที่อายุสั้นแซม เช่นพืชผัก ซึ่งกสิกรจะได้รายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

การปลูกพืชอื่นหมุนเวียน
เมื่อเก็บผลสตรอเบอรี่หมดในเดือนเมษายนเพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินให้มีประสิทธิภาพและป้องกันการสะสมของโรคสตรอเบอรี่ ควรปลูกพืชอื่นหมุนเวียน พืชที่ควรปลูกควรเป็นพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง หรือการใช้ประโยชน์ที่ดินให้มีประสิทธิภาพและป้องกันการสะสมของโรคสตรอเบอรี่ ควรปลูกพืชอื่นหมุนเวียน พืชที่ควรปลูกควรเป็นพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง หรือถั่วเขียว เพราะจะเป็นการเพิ่มธาตุไนโตรเจนแก่ดินด้วย
หรือจะปลูกผัก ซึ่งทำรายได้ให้แก่ชาวสวนสตรอเบอรี่โดยเฉพาะชาวสวนที่มีพื้นที่ใกล้ตลาด เพราะสามารถขนส่งได้สะดวก.




นอกจากนี้เรายังมีข้อมูลดีๆ มีประโยชน์ของสตรอเบอรี่มาฝากกันด้วย


สตรอเบอรี่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และแคลเซียม สำหรับวิตามินซีและวิตามินเอนั้นมีประโยชน์ต่อเหงือกและฟัน หากนำมาพอกหน้าจะทำให้ผิวสดชื่นและชุ่มชื่นและถ้าเราทานสตรอเบอรี่เป็นประจำจะทำให้ผิวดี มีประโยชน์ต่อระบบเลือดและหัวใจ ช่วยลดความดันโลหิตและยังมีสารสำคัญที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความหยาบกร้านของผิว ช่วยชะลอความแก่ชรา ป้องกันการเกิดมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน และโรคภูมิแพ้ สตรอเบอรี่ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์เพคติน ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณคอเรสเตอรอลได้ระดับหนึ่ง


ผลไม้ลูกเล็กๆๆที่เต็มไปด้วยคุณค่า รสชาติสีสันที่ถูกใจ ต้องตาของผู้บริโภค สมกับคำที่กล่าวว่า


" สตรอเบอรี่กินอย่างปลอดภัย สวยใสอย่างธรรมชาติ "



วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

iBook พัฒนาอีกขั้นจากแอปเปิล




iBook พัฒนาอีกขั้นจากแอปเปิล


แอปเปิล เปิดตัว "iBook" รุ่นใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ใช้ชื่อรหัสในการพัฒนาว่า P29 สำหรับสเปคเครื่องโดยรวม คล้ายกับที่เคยมีข่าวลือเล็ดรอดออกมาจากบริษัท ในระหว่างที่มีการพัฒนาโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่นี้อยู่ ยกเว้นแต่ว่า มันไม่ได้มาพร้อมกับฝาปิดที่ทำด้วยโลหะไททาเนียม เหมือนกับเดรื่องโน้ตบุ๊กรุ่นสุดยอดของแอปเปิลอย่างPowerBook G4 โดยจะใช้พลาสติกชนิดทนทานต่อแรงกระแทกแทน


ภายในเครื่อง iBook รุ่นใหม่จะประกอบด้วยตัวประมวลผล PowerPC 750 Cxe ความเร็ว 500 MHz ซึ่งเป็นตัวประมวลผลในระดับเดียวกับตัวประมวลผล G3 พร้อมทั้งแคชระดับสองขนาด 256 KB บนตัวประมวลผล พร้อมทั้งระบบบัสความเร็ว 100 MHz จอภาพที่ใช้จะเป็นจอชนิด TFT LCD ขนาด 12.1 นิ้วซึ่งสามารถให้ความละเอียดสูงถึง 1024 X 768 จุด ซึ่งจะทำงานร่วมกับชิปแสดงผล ATI Rage 128 Mobility AGP 2x และวีดีโอแรมขนาด 8 MB


เครื่องรุ่นนี้จะมาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 64 MB (ขยายได้สูงสุดถึง 640 MB), ฮาร์ดไดร์ฟขนาด 10 GB และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง, ไดร์ฟซีดีรอมความเร็ว 24X หรืออาจจะเลือกเป็นไดร์ฟ DVD - ROM หรือ CD - RW หรือไดร์ฟชนิด DVD / CD - RW ในตัวเดียวกันซึ่งมีขายเฉพาะที่ร้าน AppleStore เท่านั้นก็ได้


สำหรับเรื่องความสามารถต่อเชื่อมนั้นเครื่อง iBook รุ่นใหม่มีทั้งพอร์ต USB, FireWire, Ethernet และโมเด็มความเร็ว 56 Kbps ติดตั้งอยู่ภายใน นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่ทางแอปเปิลเรียกว่า "เอวีพอร์ต" ซึ่งเป็นหัวต่อวีดีโอที่จะทำให้ iBook สามารถแสดงผลออกทางทีวีได้ เครื่อง iBook 2.0 มีน้ำหนักราว ๆ 2.2 กิโลกรัม และจะวางจำหน่ายที่ราคา 1299 เหรียญ

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

3G






เทคโนโลยี 3G


3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยูjมากการพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้นลักษณะการทำงานของ 3G เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้นเช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์ แบบสั้นๆ เทคโนโลยี
3G น่าสนใจอย่างไร
จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลด เกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น
3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป
ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัวและ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว “Always On”
คุณสมบัติหลักของ 3G คือ
มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in
ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบ
เครือข่าย อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสาร
อื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC



iPhone 3G S Wi-Fi นวัตกรรมมือถือสุดไฮเทค
กรุงเทพฯ 3 สิงหาคม 2552: iPhone 3G S Wi-Fi ถึงไทยแน่นอน 28 สิงหาคมนี้...ทรูมูฟ ย้ำผู้นำชีวิตติดสปีด ประกาศให้สาวกไอโฟนจอง iPhone 3G S Wi-Fi นวัตกรรมมือถือสุดไฮเทค ที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า กล้องบันทึกวิดีโอและฟังก์ชั่นตัดต่อภาพ กล้องดิจิตอล 3 ล้านพิกเซล
และระบบออโต้ไฟกัส รองรับภาษาไทย รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมออนไลน์ผ่านเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ ทั้ง TrueMove 3G ซึ่งเปิดทดลอง
ให้บริการย่านใจกลางเมืองและย่านธุรกิจในกรุงเทพมหานคร หัวหิน และภูเก็ต หรือเชื่อมต่ออัตโนมัติ ออนไลน์เต็มพิกัดกับ Wi-Fi by TrueMove
กว่า 18,000 จุดทั่วประเทศ พิเศษ! เปิดให้จองเป็นเจ้าของก่อนใคร รับเครื่อง iPhone 3G S Wi-Fi ได้ 28 สิงหาคมนี้ เพียงชำระเงินจองตั้งแต่
วันที่ 5 – 24 สิงหาคม 2552 ผ่านเว็บไซต์ http://www.truemove.com/ หรือที่ร้านทรูช้อป ทั่วประเทศ


นายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองหัวหน้ากลุ่มคณะผู้บริหาร ด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ทรูมูฟ เดินหน้าสร้างประสบการณ์ชีวิตติดสปีดให้คนไทยอย่างต่อเนื่อง สานความสำเร็จจากการเปิดตัว iPhone 3G Wi-Fi อย่างยิ่งใหญ่ในไทยเมื่อต้นปี ประกาศเผยโฉม iPhone 3G S Wi-Fi นวัตกรรมล่าสุดทำงานเร็วขึ้นถึง 2 เท่า เต็มที่กับประสิทธิภาพและคุณสมบัติโดดเด่นมากมาย เปิดให้จองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 24 สิงหาคมนี้ เพียงชำระเงินจอง 2,000 บาท เลือกจองได้ 2 วิธี ทั้งผ่าน http://www.truemove.com/ พร้อมระบุร้านทรูช้อปที่ต้องการไปรับเครื่อง หรือจองได้ที่ร้านทรูช้อปทั่วประเทศ สะดวกรับเครื่องสาขาไหนจองที่สาขานั้น รับเครื่องจริงได้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม – 3 กันยายน 2552 การเปิดตัว iPhone 3G S Wi-Fi ครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ออนไลน์ความเร็วสูง ผ่านเครือข่ายที่หลากหลายทั้ง 3G, Wi-Fi, EDGE/GPRS เต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันทรูมูฟได้ทดลองเปิดให้บริการ TrueMove 3G ทั้งในกรุงเทพฯ ย่านใจกลางเมือง อาทิ สีลม สยาม สาทร เพลินจิต สุขุมวิท รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชะอำ หัวหิน และภูเก็ต พร้อมมีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่าน Wi-Fi by TrueMove กว่า 18,000 จุดทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้า iPhone 3G S Wi-Fi สามารถล็อกอินเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องใส่ username และรหัสผ่านใหม่ทุกครั้ง ให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและคอนเทนต์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกด้วย”
iPhone 3G S Wi-Fi นวัตกรรมล่าสุดจาก Apple พัฒนาประสิทธิภาพอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ใหม่หลากหลายรองรับทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ ทำงานเร็วขึ้น 2 เท่า กล้องวิดีโอพร้อมฟังก์ชั่นตัดต่อภาพ กล้องดิจิตอล 3 ล้านพิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส ระบบควมคุมด้วยเสียง เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ทรูมูฟยังพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับลูกค้า iPhone โดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ปัจจุบันทรูมูฟส่งแอพพลิเคชั่นให้ลูกค้าได้ใช้งานผ่านApp Store ถึง 27 แอพพลิเคชั่น ได้แก่ True Wi-Fi, TrueMusic, Thai Top Load, Thai Dict, TrueSport, Thai Stock Watch, Thailand Guide รวมทั้งแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด TNN ให้ดูข่าวเด่นประเด็นร้อนจาก TNN 24 สถานีข่าวอันดับหนึ่งที่ออกอากาศ 24 ชั่วโมง และแอพพลิเคชั่น AF6 เกาะติดและร่วมเชียร์เหล่านักล่าฝันทรูเอเอฟ 6 สู่เส้นทางความสำเร็จ เป็นต้น
* สำหรับสมาชิกทรูวิชั่นส์บุคคลธรรมดา แพ็กเกจโกลด์/แพลตินัม และสมาชิกทรูออนไลน์ ที่ใช้แพ็กเกจ 890 บาทขึ้นไป ที่เปิดใช้บริการก่อน 1 กันยายน 2551** 3G เปิดให้บริการในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต และอยู่ในช่วงการทดลองใช้สัญญาณ
เพื่อตอบรับกระแสความนิยมของ iPhone ทรูมูฟ ได้จัดเตรียม “3G Lounge” เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับลูกค้า iPhone รองรับการให้บริการหลังการขายและตอบข้อสงสัย ทั้งทางด้านฟังก์ชั่นต่างๆ ของเครื่อง iPhone 3G Wi-Fi และ iPhone 3G S Wi-Fi รวมถึงเรียนรู้การใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ณ ชั้น 4 ร้านทรูมูฟสแควร์ สยามสแควร์ ซอย 2
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า TrueMove iPhone 3G Wi-Fi ปัจจุบัน ทรูมูฟจะส่งจดหมายขอบคุณพร้อมบัตรกำนัลเพื่อนำไปแลกรับซองหนังแท้ TrueMove iPhone ดีไซน์เก๋ Limited Edition ไม่มีวางจำหน่ายที่ใด ซึ่งจัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ เพื่อแทนคำขอบคุณจากใจที่ให้ความไว้วางใจในบริการและเครือข่ายทรูมูฟ โดยสามารถแลกรับได้ที่ร้านทรูช้อปตามสาขาที่ระบุไว้ในจดหมาย